บริษัท ซี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด
|
|
|
|
:
|
ประวัติบริษัท
เมื่อกล่าวถึงผลิตภัณฑ์เครื่องตัดไฟ
เซฟ-ที-คัท หลายคนอาจจะพูดติดปากว่า "ตัดก่อนตาย
เตือนก่อนวายวอด"ซึ่งผลิตโดย บริษัท ซี.เอส. อินเตอร์เนชั่นแนล
อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด มีสินค้าออกสู่ตลาดมากว่า 30 ปี ทำให้ผลิตภัณฑ์เซฟ-ที-คัท เป็นที่ยอมรับ
ของผู้บริโภคเสมอมา ส่งผลให้มีการขยับขยายฐานการผลิต และมาก่อสร้างโรงงาน
ตั้งอยู่เลขที่ 52 หมู่ 12 ต.โพงาม
อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ภายในอาณาเขตของโรงงานได้จัดเป็นสวนพฤกษชาติ
มีไม้นานาพันธุ์นำมาปลูก เพื่อให้ เกิดความร่มรื่นและความเป็นธรรมชาติพร้อมที่จะต้อนรับผู้ที่มาเยี่ยมชม
|
|
|
|
ที่ตั้งของบริษัท สาขาปู่เจ้า
ที่อยู่บริษัทซี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล
อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด
ที่อยู่ 999/47-8
หมู่ 9 สุขุมวิท ตำบลเทพารักษ์
อำเภอเมืองสมุทรปราการ สมุทรปราการ 10270
โทรศัพท์
|
027568036,027568801-2,027568037,027568803-10,023802223-31
|
อีเมล
|
|
เว็บไซต์
|
|
เวลาทำการ
|
จันทร์-ศุกร์ 08:00-17:00
Call Center 00:00-24:00
|
ช่วงเวลาการฝึกงาน 15 ตุลาคม 2555 –
15 พฤศจิกายน 2555
ผู้ควบคุมการฝึกงาน นาย มนัส ชุบขึ้น
ผู้จัดการแผนกบุคคล
รายละเอียดในการฝึกงาน
-ทำหนังสือส่งเอกสารหนังสือภายใน หนังสือภายนอก
-ถ่ายเอกสาร
-ทำใบวางบิล
ใบรับบิล ใบส่งของ
-ทำบัญชีเงินเดือนพนักงาน
-กรอกประวัติพนักงาน
-กรอกหนังสือค่าใช้จ่ายของบริษัท
-ทำบัญชีรายได้แต่ล่ะวันของบริษัท
-รับโทรศัพท์จากลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้า
-ทำใบกำกับภาษี
-คีย์เอกสาร EEI ของแต่ล่ะเดือน
-ทำโบชัวร์
ทำคู่มือ SAFE –T-
LIGHT รุ่น LED
-สติ๊กเกอร์ FUSE
-ทำระเบียบสวัสดิการพนักงาน
หนังสือเบี้ยเลี้ยงแผนกเทคนิค
-ถ่ายเอกสาร ส่งแฟ็กซ์
ประโยชน์ที่ได้รับ
-ได้เรียนรู้จากสถานที่ปฏิบัติงานจริง
-ทราบระบบการทำงาน
-ได้ฝึกฝนให้เป็นคนตรงต่อเวลา
-ได้ทราบถึงความยากของงาน จากการทำงานด้วยตนเอง
-ฝึกการทำงานคนเดียว
ข้อเสนอแนะ
-นักศึกษาควรมีความละเอียดรอบคอบในการทำงานด้านบัญชีการเงิน การกรอกรายละเอียดจะพลาดไม่ได้
-ควรมีความกระตือรือร้นในการทำงาน
-นักศึกษาไม่เข้าใจหมั่นถาม และหาความรู้เพิ่มเติมจากการสังเกต
และควรมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อบุคคลากรในบริษัท
ความเป็นมา
ประวัติ บริษัท เซฟ-ที-คัท (ประเทศไทย) จำกัด
|
สินค้า ของบริษัท ซี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล อิเล็คโทรนิคส์
|
|
||||||||
|
|
||||||||
|
|
||||||||
|
|
||||||||
|
|
||||||||
|
|
||||||||
|
|
||||||||
|
|
||||||||
|
|
||||||||
|
|
||||||||
|
|
||||||||
|
|
||||||||
|
กลยุทธิ์ บริษัท
“เซฟ-ที-คัท”
ซุ่มเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ หวังระดมทุนขยายกิจการ ไลน์สินค้า
ตลาดต่างประเทศ มั่นใจตลาดเครื่องตัดไฟอัติโนมัติยังมีโอกาสอีกมาก เหตุคนไทยใช้แค่
6% เท่านั้นตอนนี้ จากประชากรมากกว่า 60 ล้านคน พร้อมปรับราคา 10% เดือนที่แล้วรับต้นทุนพุ่ง
นายชวาล โสตถิวันวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท เซฟ-ที-คัท (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Mai ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ที่ปรึกษาทางการเงินศึกษารายละเอียดต่างๆ โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการจะขยายกิจการบริษัทฯ รวมทั้งการขยายกำลังผลิตและขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ด้วย รวมไปถึงการขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น
ในปีที่แล้วตลาดรวมผลิตภัณธฑ์เครื่องตัดไฟอัติโนมัติทั้งหมดโดยรวมมีการเติบโต 8% เมื่อเทียบกับปี 2550 ขณะที่บริษัทฯมีส่วนแบ่งเป็นผู้นำตลาดมากกว่า 80% ทิ้งห่างจากคู่แข่งในตลาดอย่างมาก และเมื่อถึงอนาคตของตลาดเครื่องตัดไฟอัติโนมัติแล้วมีโอกาสอีกมา เพราะเมืองไทยมีปริมาณการใช้ขณะนี้แค่ 6% เท่านั้นจากจำนวนประชากรทั้งประเทศ มีกว่า 60 ล้านคน ยังมีตลาดอีกมากที่ยังขยายได้
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทฯเมื่อปีที่แล้ว มีการเติบโต 8% โดยรายได้มาจาก 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์คือ เครื่องตัดไฟ, ผลิตภัณฑ์ตู้ควบคุมแผงวงจรไฟฟ้า, เซอร์กิตเบรกเกอร์, ผลิตภัณฑ์โคมไฟฉุกเฉินชุดเบ็ดเสร็จ ผลิตภัณฑ์เครื่องส่งสัญญาณกันขโมย และ ผลิตภัณฑ์เครื่องตัดแก๊สอัตโนมัติ และมีแชร์ เครื่องตัดไฟอัติโนมัติ 80% ตั้งเป้าหมายปีนี้แชร์เพิ่มเป็น 82% และเพิ่มเป็น 85%ในอีก 3 ปีจากนี้ และตั้งเป้ามีการเติบโต 20% ภายใน 3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยอมรับว่า บางกลุ่มผลิตภัณฑ์ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เช่น เครื่องตัดแก๊สอัติโนมัติ ซึ่งบริษัทฯจะทยอยลดการทำตลาดลง แต่ผลิตภัณฑ์หลายตัวก็ไปได้ดีเช่น เมื่อปีที่แล้วได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องตัดไฟ ตู้ควบคุมแผงวงจรไฟฟ้าและเซอร์กิตเบรกเกอร์แบบครบไลน์ เข้าสู่ตลาดตั้งแต่ตลาดบ้านถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังผลิตเครื่องตัดไฟเซฟ-ที-คัท ประมาณ 800 กว่ายูนิตต่อวันเท่านั้นเอง ซึ่งน้อยมาก เมื่อเทียบกับความต้องการของตลาด ทำให้เตรียมที่จะขยายกำลังผลิตเพิ่มที่โรงงานที่ชัยนาท ซึ่งเดิมมีพื้นที่รวม 200 กว่าไร่ และเมื่อเสร็จแล้วจะทำให้บริษัทฯสามารถขยายกำลังผลิต และขยายไลน์เพิ่มได้ด้วย เช่น จะโยกส่วนการผลิตเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่บริษัทฯร่วมทุนกับคนจีนผลิตที่ประเทศจีน กลับมาไว้ที่ประเทศไทยแทน แล้วแบ่งตลาดส่งออกกับจีน
สำหรับช่องทางการจำหน่ายในประเทศนั้นมี 3 ช่องทางหลักคือ 1.ค้าส่ง มากกว่า 80% 2.โครงการ ประมาณ 10% 3.ขายตรง ประมาณ 10%
เมื่อการเพิ่มกำลังผลิตแล้วเสร็จ บริษัทฯก็เตรียมที่จะเปิดตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีบ้างแล้วแต่ยังไม่มากนักเนื่องจากกำลังผลิตยังน้อยอยู่ เช่น ส่งไปจำหน่ายที่เวียดนาม เป็นต้น ส่วนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นได้ทำไปแล้วในหลายประเทศ แต่ที่ญี่ปุ่นยังไม่ได้จดเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
นายชวาลกล่าวด้วยว่า ด้วยผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ทั้งในเรื่องของปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหาราคาวัตถุดิบ ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯต้องปรับกลยุทธ์ ในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่า ได้ปรับราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขึ้นเฉลี่ย 10% เมื่อเดือนที่แล้ว เพราะต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ทางบริษัทฯได้ปรับวิธีการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยนำระบบลอจิสติกส์มาใช้ในการบริหารคลังสินค้าและการขนส่ง เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง ส่วนการแข่งขันกับสินค้าจากคู่แข่งต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีนที่ปัจจุบันส่งสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิกส์ เข้ามาขายในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก พบว่าไม่มีผลกระทบต่อยอดจำหน่ายสินค้าของเซฟ-ที-คัท เพราะบริษัทฯเน้นคุณภาพไม่เน้นเรื่องราคา
นายชวาล โสตถิวันวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท เซฟ-ที-คัท (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Mai ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ที่ปรึกษาทางการเงินศึกษารายละเอียดต่างๆ โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการจะขยายกิจการบริษัทฯ รวมทั้งการขยายกำลังผลิตและขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ด้วย รวมไปถึงการขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น
ในปีที่แล้วตลาดรวมผลิตภัณธฑ์เครื่องตัดไฟอัติโนมัติทั้งหมดโดยรวมมีการเติบโต 8% เมื่อเทียบกับปี 2550 ขณะที่บริษัทฯมีส่วนแบ่งเป็นผู้นำตลาดมากกว่า 80% ทิ้งห่างจากคู่แข่งในตลาดอย่างมาก และเมื่อถึงอนาคตของตลาดเครื่องตัดไฟอัติโนมัติแล้วมีโอกาสอีกมา เพราะเมืองไทยมีปริมาณการใช้ขณะนี้แค่ 6% เท่านั้นจากจำนวนประชากรทั้งประเทศ มีกว่า 60 ล้านคน ยังมีตลาดอีกมากที่ยังขยายได้
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทฯเมื่อปีที่แล้ว มีการเติบโต 8% โดยรายได้มาจาก 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์คือ เครื่องตัดไฟ, ผลิตภัณฑ์ตู้ควบคุมแผงวงจรไฟฟ้า, เซอร์กิตเบรกเกอร์, ผลิตภัณฑ์โคมไฟฉุกเฉินชุดเบ็ดเสร็จ ผลิตภัณฑ์เครื่องส่งสัญญาณกันขโมย และ ผลิตภัณฑ์เครื่องตัดแก๊สอัตโนมัติ และมีแชร์ เครื่องตัดไฟอัติโนมัติ 80% ตั้งเป้าหมายปีนี้แชร์เพิ่มเป็น 82% และเพิ่มเป็น 85%ในอีก 3 ปีจากนี้ และตั้งเป้ามีการเติบโต 20% ภายใน 3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยอมรับว่า บางกลุ่มผลิตภัณฑ์ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เช่น เครื่องตัดแก๊สอัติโนมัติ ซึ่งบริษัทฯจะทยอยลดการทำตลาดลง แต่ผลิตภัณฑ์หลายตัวก็ไปได้ดีเช่น เมื่อปีที่แล้วได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องตัดไฟ ตู้ควบคุมแผงวงจรไฟฟ้าและเซอร์กิตเบรกเกอร์แบบครบไลน์ เข้าสู่ตลาดตั้งแต่ตลาดบ้านถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังผลิตเครื่องตัดไฟเซฟ-ที-คัท ประมาณ 800 กว่ายูนิตต่อวันเท่านั้นเอง ซึ่งน้อยมาก เมื่อเทียบกับความต้องการของตลาด ทำให้เตรียมที่จะขยายกำลังผลิตเพิ่มที่โรงงานที่ชัยนาท ซึ่งเดิมมีพื้นที่รวม 200 กว่าไร่ และเมื่อเสร็จแล้วจะทำให้บริษัทฯสามารถขยายกำลังผลิต และขยายไลน์เพิ่มได้ด้วย เช่น จะโยกส่วนการผลิตเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่บริษัทฯร่วมทุนกับคนจีนผลิตที่ประเทศจีน กลับมาไว้ที่ประเทศไทยแทน แล้วแบ่งตลาดส่งออกกับจีน
สำหรับช่องทางการจำหน่ายในประเทศนั้นมี 3 ช่องทางหลักคือ 1.ค้าส่ง มากกว่า 80% 2.โครงการ ประมาณ 10% 3.ขายตรง ประมาณ 10%
เมื่อการเพิ่มกำลังผลิตแล้วเสร็จ บริษัทฯก็เตรียมที่จะเปิดตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีบ้างแล้วแต่ยังไม่มากนักเนื่องจากกำลังผลิตยังน้อยอยู่ เช่น ส่งไปจำหน่ายที่เวียดนาม เป็นต้น ส่วนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นได้ทำไปแล้วในหลายประเทศ แต่ที่ญี่ปุ่นยังไม่ได้จดเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
นายชวาลกล่าวด้วยว่า ด้วยผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ทั้งในเรื่องของปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหาราคาวัตถุดิบ ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯต้องปรับกลยุทธ์ ในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่า ได้ปรับราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขึ้นเฉลี่ย 10% เมื่อเดือนที่แล้ว เพราะต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ทางบริษัทฯได้ปรับวิธีการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยนำระบบลอจิสติกส์มาใช้ในการบริหารคลังสินค้าและการขนส่ง เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง ส่วนการแข่งขันกับสินค้าจากคู่แข่งต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีนที่ปัจจุบันส่งสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิกส์ เข้ามาขายในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก พบว่าไม่มีผลกระทบต่อยอดจำหน่ายสินค้าของเซฟ-ที-คัท เพราะบริษัทฯเน้นคุณภาพไม่เน้นเรื่องราคา
รายละเอียดของงาน :
|
- มีทักษะในการติดต่อประสานงาน
|
- ตรวจความปลอดภัยในการทำงาน
|
- ส่งเอกสารรายงานการเกิดอุบัติเหตุ
|
- รับผิดชอบการฝึกอบรมความปลอดภัย
|
- จัดให้มีการซ้อมดับเพลิง และอพยพหนีไฟ
|
- มีความรู้ด้านกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย
|
- กำหนดแนวทาง และการจัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปี
|
- ประสานงาน จัดฝึกอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัย
|
- ประสานงานกับหน่วยงานราชการ/หน่วยงานภายนอก เรื่องความปลอดภัย
|
- กำกับดูแลให้พนักงาน ปฏิบัติตามระเบียบ
คำสั่งหรือมาตรการความปลอดภัย
|
- ดำเนินการวิเคราะห์ ประเมินสภาพการทำงาน
เพื่อเฝ้าระวังอุบัติเหตุ และจากการทำงาน
|
- ดำเนินการสอบสวนอุบัติเหตุ และแสนอวิธีการป้องกัน แก้ไข
และรายงานการเกิดอุบัติเหตุ
|
- จัดทำแผนงาน โครงการเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ จป.
ให้สอดคล้อง
|
กับกฏหมายความปลอดภัยในการทำงาน
|
- อื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย
|
ภาคผนวก
ทำใบรับบิล ใบวางบิล
เอกสาร EEI แต่ล่ะเดือน
รายละเอียดการสั่งซื้อ
สินค้า
คีย์เอกสาร EEI ของสินค้าแต่ละชนิด
บรรยากาศการทำงาน
การเลี้ยงส่ง หลังจบการฝึกงาน